ระบบ Autopilot กับระบบช่วยขับขี่ กลายเป็นระบบที่มีอยู่ในรถรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นในปัจจุบัน ซึ่งมันก็ช่วยให้เราขับรถได้สบายขึ้นเยอะ แต่ระบบไหนช่วยให้เราขับรถได้ปลอดภัยมากกว่ากัน?
อุบัติเหตุบนท้องถนนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ขับขี่ ผู้ผลิตยานยนต์ไร้คนขับก็ได้ให้คำมั่นสัญญาถึงอนาคตที่ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการจราจรได้เกือบหมด แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือไม่?
ระบบช่วยขับขี่ช่วยให้ปลอดภัยขึ้น?
ผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่าการปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนนมีอยู่แล้วในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาเลน และระบบตรวจจับจุดบอด ข้อมูลจากสถาบันประกันภัยเพื่อความปลอดภัยบนทางหลวง หรือ Insurance Institute for Highway Safety (IIHS) สนับสนุนคำกล่าวอ้างนี้ การศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอุบัติเหตุการชนกันภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวลดลงในรถยนต์ที่ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
รายงานดังกล่าวอ้างถึงระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติหรือ Autonomous Emergency Braking (AEB) ซึ่งระบบนี้ใช้เรดาร์และกล้องเพื่อสแกนถนนข้างหน้า จากนั้นจึงตรวจสอบว่าผู้ขับขี่ตอบสนองต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้หรือไม่ หากไม่ ระบบเบรกอัตโนมัติจะเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน ซึ่งระบบนี้ช่วยลดการชนท้ายได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ระบบ Autopilot ช่วยให้ปลอดภัยขึ้น?
นักวิจัยอาวุโส David Kidd อธิบายว่าการอนุญาตให้มีระบบขับขี่อัตโนมัติมากขึ้น เช่น ระบบ Autopilot ของ Tesla และ Super Cruise ของ GM อาจส่งผลตรงกันข้าม ระบบเหล่านี้ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกปลอดภัยแบบหลอกๆ ทำให้พวกเขาเสียสมาธิและประมาทเลินเล่อในระยะยาว
แม้ว่า Tesla จะโฆษณาความปลอดภัยของระบบ Autopilot โดยใช้สถิติระยะทางต่ออุบัติเหตุ แต่อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระตุ้นให้มีการสอบสวนของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัวอย่างเหตุการณ์อุบัติเหตุร้ายแรงครั้งหนึ่งคือ รถแท็กซี่ไร้คนขับของ GM Cruise ขับชนคนเดินถนนและถูกหยุดรถโดยรถคันอื่น อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ Department of Motor Vehicles (DMV) ของแคลิฟอร์เนียสั่งระงับใบอนุญาตของ GM Cruise
“เราไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในด้านความปลอดภัย” David Kidd กล่าวอ้าง “ประโยชน์เดียวที่อาจได้รับคือความสะดวกและความสบายขอบคนขับ”
ซึ่งเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2024 ก็มีกรณีที่รถยนต์ไร้คนขับขับรถฝ่าไฟแดง ในรัฐแอริโซนา สหรัฐฯ แถมยังขับสวนเลนจนตำรวจต้องเข้ามาเรียกให้จอด
ขณะเดียวกัน Richard Schram ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ The European New Car Assessment Programme (Euro NCAP) กล่าวว่าผู้ผลิตที่ขายเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติในรถยนต์ของตนปกปิดความจริงเกี่ยวกับความสามารถของรถ
อย่างไรก็ตาม ระบบขับขี่อัตโนมัติหรือระบบ Autopilot เทคโนโลยีส่วนใหญ่ยังค่อนข้างใหม่ ระบบนี้ต้องวิ่งเป็นระยะทางหลายไมล์ก่อนที่จะสรุปได้ว่ามีความปลอดภัยอย่างสมเหตุสมผลหรือไม่?
ข้อสรุป Autopilot กับระบบช่วยขับขี่ ระบบไหนปลอดภัยกว่ากัน?
สิ่งที่ทำให้คำตอบของประเด็นนี้มีความซับซ้อนคือข้อมูลที่สับสนและขัดแย้งกัน แม้ว่าสำนักงานบริหารความปลอดภัยบนทางหลวงแห่งชาติ หรือ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) จะยอมรับความเสี่ยงจากการขับรถโดยเสียสมาธิ แต่ก็ไม่มีดัชนีที่เชื่อมโยงไปยังการเกิดอุบัติเหตุที่ชัดเจน
ในทำนองเดียวกัน การศึกษาของ Nature.com ชุมชนสำหรับนักวิจัย ได้ชี้ให้เห็นว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุต่ำกว่ามนุษย์ ยกเว้นในบางสภาวะ เช่น ช่วงรุ่งอรุณ, พลบค่ำ หรือขณะเลี้ยว อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ข้อมูลของ NHTSA พบว่าอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ติดตั้งระบบนี้กำลังเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ระบบนี้มีความปลอดภัยมากแค่ไหน
นั้นทำให้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าระบบ Autopilot กับระบบช่วยขับขี่ ระบบไหนปลอดภัยกว่ากัน และแม้ว่าจะมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถยนต์ไร้คนขับ แต่ NHTSA ก็กำลังดำเนินการเพื่อให้ระบบนี้ใช้ระบบ AEB ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดอุบัติเหตุ และบังคับใช้กับรถยนต์ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ทั้งหมดภายในปี 2029
อ้างอิง techspot.com cover iT24Hrs
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
ระบบ Autopilot กับระบบช่วยขับขี่ ระบบไหนปลอดภัยกว่ากัน?
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs