แท็กติดกระเป๋าสำคัญยังไง โดยแท็กติดกระเป๋า (Baggage Tag) คือป้ายที่สายการบินพิมพ์ติดกับสัมภาระขณะเช็กอิน ประกอบด้วย บาร์โค้ด/QR รหัสเที่ยวบิน จุดหมายปลายทาง และหมายเลขกระเป๋า โดยผู้โดยสารจะได้รับ ส่วนฉีก (claim tag) ไว้ยืนยันความเป็นเจ้าของเมื่อตรวจสอบหรือเคลมกระเป๋า
ทำไมแท็กถึงสำคัญ
- ยืนยันการโหลดสัมภาระ: เป็นหลักฐานว่ากระเป๋าของคุณถูกโหลดขึ้นเครื่องแล้ว
- นำทางกระเป๋าให้ถูกเส้นทาง: รหัสบนแท็กบอกระบบว่าควรส่งไปเที่ยวบินใดและลงสนามบินไหน
- ช่วยตามกระเป๋าหาย: เจ้าหน้าที่ใช้บาร์โค้ดเช็กตำแหน่งล่าสุดของกระเป๋าได้
- ตรวจสอบก่อนออกจากโถงรับกระเป๋า: บางสนามบินอาจตรวจเช็กแท็กเพื่อกันหยิบผิดใบ
เหตุผลที่ควรทำลายแท็กหลังเดินทาง
- ลดความสับสนในทริปต่อไป: แท็กเก่าที่ค้างอยู่เสี่ยงให้ระบบสแกนผิดและส่งกระเป๋าไปผิดที่
- ป้องกันข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล: แท็กอาจมีชื่อ นามสกุล รหัสการจอง และรายละเอียดการเดินทาง
- ลดความเสี่ยงการปลอมแปลง: ผู้ไม่หวังดีอาจนำแท็กไปอ้างสิทธิ์รับกระเป๋าหรือเลียนแบบเส้นทาง
วิธีทำลายแท็กอย่างปลอดภัย
- ฉีก/ตัดส่วน บาร์โค้ดและ QR ออกเป็นชิ้นเล็กๆ
- ขูด/ปิดทับข้อมูลอย่าง ชื่อ–รหัสจอง–หมายเลขเที่ยวบิน ให้พร่า
- หากมีเครื่อง ทำลายเอกสาร ให้ป้อนทั้งแผ่น
- ทิ้งเศษชิ้นส่วนแยกกัน 1–2 จุดเพื่อความปลอดภัยเพิ่ม
ควรเก็บ claim tag นานเท่าไร? เก็บจนมั่นใจว่าได้รับกระเป๋าครบและไม่มีเคลม โดยทั่วไป 7–14 วันหลังเดินทาง ก็เพียงพอ
ตอนเดินทาง แท็กติดกระเป๋าเป็นกุญแจที่ช่วยให้กระเป๋าไปถึงจุดหมายและใช้ติดตามหากสูญหาย แต่เมื่อจบทริป ควรลอกออกและทำลายทันที เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและป้องกันปัญหาในอนาคต
อ้างอิง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย cover iT24Hrs-S
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
แท็กติดกระเป๋าสำคัญยังไง ทำไมต้องทิ้งหลังจบการเดินทาง
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs





