AI ในโบราณคดีช่วยค้นหา Nazca ได้อย่างไร? นักโบราณคดีในเปรูใช้ AI เพื่อช่วยค้นหา Nazca สัญลักษณ์ขนาดยักษ์กลางทะเลทราย ทำให้ค้นพบภาพนาซกาใหม่ถึง 303 ภาพ
นาซกา (Nazca) คืออะไร?
นาซกา (Nazca) คือกลุ่มภาพลายเส้นขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นทะเลทรายนาซกาทางตอนใต้ของประเทศเปรู ภาพที่มีอายุย้อนกลับไปได้ราว 2,000 ปีเหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่รูปทรงเรขาคณิตง่ายๆ ไปจนถึงภาพสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น นก ลิง และสัตว์ทะเล
สัญลักษณ์ขนาดใหญ่เหล่านี้ตั้งอยู่ในทะเลทรายห่างจากชายฝั่งทางใต้ของเปรู 50 กิโลเมตร โดยพบในทะเลทรายเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ภาพนาซกาเหล่านี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงเหนือน้ำทะเลราว 500 เมตร และยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากพื้นที่ทะเลทรายแห้งแล้งนี้มีประชากรเบาบาง ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก
ความสำคัญของนาซกา
เส้นนาซกาเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก และเป็นหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกโบราณ การค้นพบและศึกษาเส้นนาซกาช่วยให้เราเข้าใจถึงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของมนุษย์ในอดีตมากขึ้น
ประเภทของนาซกา
- ประเภทเส้น: ภาพนาซกาที่มีลักษณะเป็นเส้นยาวตรง โดยมักมีความยาว 90 เมตร และสามารถมองเห็นได้จากทางอากาศ ซึ่งนาซกาประเภทนี้ถูกค้นพบมากที่สุด
- ประเภทรูปแบบ: ภาพนาซกาประเภทนี้มีลักษณะนูนต่ำ ไม่ได้เป็นเส้นที่ชัดเจนเหมือนประเภทเส้น มักมีความยาวประมาณ 9 เมตร (30 ฟุต) และแสดงถึงสัตว์ พืช และรูปทรงเรขาคณิต พบน้อยกว่า และระบุยากกว่านาซกาประเภทเส้น
ภาพนาซกาเหล่านี้แฝงด้วยปริศนามากมายเช่น คนสมัยโบราณสร้างภาพที่ใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร หรือ สร้างมาเพื่ออะไร มีทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายในเรื่องนี้ เช่น เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ สถานที่ประกอบพิธีกรรม หรือแม้กระทั่งเป็นสนามบินสำหรับยานอวกาศ แต่การใช้ AI ทำให้ช่วยค้นหาภาพนาซกาได้มากขึ้น และอาจนำไปไขความลับเรื่องจุดประสงค์ของภาพเหล่านี้
การใช้ AI ในโบราณคดีช่วยค้นหา Nazca
อัตราการค้นพบเส้นนาซกาใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการใช้การถ่ายภาพความละเอียดสูงจากระยะไกล โดยตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2020 พบภาพนาซกาเฉลี่ย 19 ภาพต่อปี อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และครอบคลุมพื้นที่กว้างยิ่งขึ้น
กลุ่มนักวิจัยที่นำโดย Masato Sakai ศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยยามากาตะ (Yamagata University) ของญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในค้นพบภาพแกะแห่งใหม่สลักบนพื้นดิน (Geoglyphs) โดยใช้โมเดล AI ในการตรวจจับวัตถุ (Object Detection) ร่วมกับภาพความละเอียดสูงของสัญลักษณ์นาซกา จำนวน 430 ภาพ โดยทีมวิจัยนี้ประกอบด้วยนักวิจัยจากศูนย์วิจัย Thomas J. Watson ของ IBM ในยอร์กทาวน์ไฮท์ส์ นิวยอร์ก
AI ช่วยค้นหาภาพ Nazca ได้เยอะขึ้น และเร็วขึ้นมาก
ทีมวิจัยเลือกที่จะเน้นที่นาซกาประเภทรูปแบบที่เล็กกว่าและระบุได้ยากกว่าประเภทเส้น โดย AI ที่นำมาช่วยค้นหานี้ยังไม่สมบูรณ์มากนัก มันได้แนะนำพื้นที่ที่น่าจะมีภาพนาซกามากกว่า 47,000 แห่งครอบคลุมพื้นที่ 629 ตารางกิโลเมตร
ทีมงานได้คัดกรองและจัดอันดับข้อพื้นที่เหล่านั้น โดยระบุพื่นที่ที่มีโอกาสสูงจำนวน 1,309 แห่ง หรือทุก ๆ พื้นที่ที่เอไอแนะนำ 36 แห่ง จะมีพื้นที่ที่มีโอกาสสูงที่จะพบภาพนาซกา 1 แห่ง ซึ่งถือได้ว่า AI ช่วยจำกัดขอบเขตการค้นหาลงได้อย่างมาก โดย AI สามารถทำงานได้เร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ถึง 20 เท่า
ระหว่างเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ทีมงานได้ทดสอบความแม่นยำของแบบจำลองในทะเลทรายนาซกา โดยสำรวจสถานที่ที่มีแนวโน้มว่าจะมีภาพนาซกาด้วยการเดินเท้าและใช้โดรน ซึ่งสุดท้ายสามารถยืนยันได้ว่า AI สามารถค้นกาภาพนาซกาได้ 303 ภาพ
จากการค้นพบภาพใหม่ 303 ภาพนี้มี 178 ภาพที่ถูกแนะนำโดยโมเดล AI และ 125 ตัวเป็นการค้นพบเพิ่มเติม ในจำนวนนั้น 66 ภาพถูกพบจากการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มภาพที่ค้นพบโดย AI ในขณะที่มี 59 ภาพที่ถูกค้นพบระหว่างการทำงานภาคสนามโดยไม่มีความช่วยเหลือจาก AI
Amina Jambajantsan นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลจากภาควิชาโบราณคดีของสถาบันมักซ์พลังค์แห่งธรณีมานุษยวิทยา ( The Max Planck Institute of Geoanthropology’s Department of Archaeology) ในเมืองเยนา (Jena) ประเทศเยอรมนี กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าทึ่ง” ที่สามารถค้นพบภาพสลักบนพื้นดิน (Geoglyphs) ได้เป็นสองเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากข้อมูลการฝึก AI ที่มีจำกัด Jambajantsan ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยเกี่ยวกับนาซกา แต่เธอใช้โมเดล AI เพื่อระบุเนินฝังศพในมองโกเลียโดยอาศัยภาพถ่ายดาวเทียม
เธอเล่าว่างานของเธอมักจะดำเนินตามรูปแบบที่คล้ายกับทีม Nazca โดยข้อเสนอแนะที่อิงตาม AI มักจะนำไปสู่การค้นพบเพิ่มเติมในพื้นที่ระหว่างการทำงานภาคสนาม “AI นั้นยอดเยี่ยม แต่มนุษย์ก็ยังจำเป็นอยู่” เธอกล่าว
AI มีศักยภาพที่จะมีส่วนสนับสนุนด้านโบราณคดีได้อย่างมาก แม้ว่าแบบจำลองจะยังไม่แม่นยำมากนักก็ตาม เธอกล่าว
การถอดรหัสความลับของสัญลักษณ์นาซกา
ยังไม่ทราบชัดเจนว่าเหตุใดชาวนาซกาจึงสร้างสัญลักษณ์เหล่านี้ขึ้นมา สมมติฐานหลักคือพวกเขาสร้างพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อาจเป็นสถานที่แสวงบุญ ทฤษฎีอื่นๆ เสนอว่าสัญลักษณ์เหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิทิน ดาราศาสตร์ การชลประทาน หรือการเคลื่อนไหว เช่น การวิ่ง การเต้นรำ หรือการสื่อสาร การศึกษาดังกล่าวระบุ
Sakai กล่าวว่าการวิเคราะห์สัญลักษณ์ที่เพิ่งค้นพบพร้อมกับสัญลักษณ์ที่ทราบอยู่แล้ว เผยให้เห็นแนวโน้มที่น่าสนใจบางอย่าง
ภาพนาซกาประเภทเส้นที่ขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ชัดเจนจากด้านบน โดยทั่วไปจะแสดงภาพสัตว์ป่าหรือพืช ในขณะที่ภาพนาซกาประเภทรูปแบบที่มีขนาดเล็ก จะแสดงภาพมนุษย์หรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ เช่น การสังเวยมนุษย์หรือลามะที่เลี้ยงไว้
การสำรวจครั้งนี้ยังเผยให้เห็นเครือข่ายเส้นทางในทะเลทรายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งหลายเส้นทางนั้นอยู่ใกล้กับกลุ่มสัญลักษณ์ต่างๆ
จากการศึกษาพบว่าภาพนาซกาขนาดเล็กนั้นปรากฏอยู่ตามเส้นทางคดเคี้ยวโบราณที่น่าจะสร้างขึ้นทั่วทะเลทรายโดยชาวนาซกาซึ่งมองดูสัญลักษณ์เป็นกลุ่มเล็กๆ ขณะที่สัญลักษณ์นาซกาขนาดใหญ่จะอยู่ใกล้กับเครือข่ายของเส้นตรง สี่เหลี่ยม และสี่เหลี่ยมคางหมูที่แกะสลักลงบนพื้นดิน
จากการศึกษาพบว่าสัญลักษณ์เหล่านี้น่าจะถูกนำมาใช้ในกิจกรรมพิธีกรรม บางทีอาจเป็นช่วงท้ายของการแสวงบุญ และถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมสาธารณะที่มีการวางแผนเอาไว้ การถอดรหัสความหมายของภาพนาซกายังคงดำเนินต่อไป โดยหวังว่านักวิจัยจะเปิดเผยมันในอนาคต
อ้างอิง edition.cnn.com และ cover pnas.org
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
นักวิจัยใช้ AI ในโบราณคดีช่วยค้นหา Nazca สัญลักษณ์โบราณที่ซ่อนอยู่กลางทะเลทราย
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิปเทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs