ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) คือปัญหาหนึ่งที่เราต้องใส่ใจ ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เมื่ออุปกรณ์เหล่านี้หมดอายุการใช้งานหรือล้าสมัย ก็จะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste คืออะไร?
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics waste) หมายถึง ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชนิดต่างๆ ที่หมดอายุการใช้งาน ล้าสมัย หรือผู้บริโภคไม่ต้องการใช้งานแล้ว และถูกทิ้งเป็นขยะ ตัวอย่างของขยะอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ เครื่องเล่นดีวีดี แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กอื่นๆ
ปัญหาจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste)
อุปกรณ์ปลายทางหรือ Endpoint Devices มีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) และสร้างขยะภายในองค์กรอย่างมาก เพื่อรับมือกับปัญหานี้ รัฐบาลทั่วโลกได้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อส่งเสริมการจัดการอุปกรณ์ปลายทางและขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste อย่างยั่งยืน
จากรายงาน Global E-Waste Monitor ครั้งที่ 4 ขององค์การสหประชาชาติ เผยประเทศไทยมีขยะอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 753,000 ตันในปี 2565 โดยสูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากอินโดนีเซีย แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับการควบคุมและการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
ทำไมขยะอิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นปัญหา?
- สารพิษ: ขยะอิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยสารเคมีอันตรายหลายชนิด เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และสารหน่วงไฟ ซึ่งหากไม่ถูกกำจัดอย่างถูกวิธี จะปนเปื้อนลงสู่ดิน น้ำ และอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
- ปัญหาสิ่งแวดล้อม: การเผาหรือฝังกลบขยะอิเล็กทรอนิกส์จะปล่อยสารพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศและน้ำ นอกจากนี้ ชิ้นส่วนพลาสติกและโลหะในขยะอิเล็กทรอนิกส์ยังย่อยสลายได้ยาก ทำให้เกิดปัญหาขยะตกค้าง
- ทรัพยากรธรรมชาติ: การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก การนำขยะอิเล็กทรอนิกส์กลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้
- สุขภาพ: การสัมผัสกับสารพิษในขยะอิเล็กทรอนิกส์ในระหว่างการรื้อถอนหรือการเผา อาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคทางเดินหายใจ และความผิดปกติทางระบบประสาท
แต่หลายคนยังไม่ตระหนักถึงเรื่องการจัดการอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่การจัดซื้อ – จัดส่ง ไปจนถึงการจัดการสินทรัพย์และการปลดระวางการใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้น การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์ที่ยั่งยืนส่งผลดีต่อธุรกิจรอบด้าน ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่ยังปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ทันสมัย เพิ่มความยืดหยุ่น ยกระดับความพึงพอใจของพนักงานและดึงดูดผู้มีทักษะความสามารถสูงให้มาร่วมงานกับองค์กร
การบรรลุเป้าหมายวงจรชีวิตอุปกรณ์ที่ยั่งยืนหรือ Sustainable Device Life Cycle คือโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ และระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนยังเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยบรรลุเป้าหมายนี้ ไม่ใช่แค่การลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้และยืดอายุการใช้อุปกรณ์ให้ยาวนานที่สุด
ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนไอที หรือ IT Circular Economy เป็นแนวทางปฏิบัติที่ช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน ผ่านการออกแบบและจัดการวงจรชีวิตของอุปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานมีส่วนร่วม
บริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์
การลดขยะและลดการปล่อยมลพิษเป็นเป้าหมายสำคัญขององค์กรทั่วโลก ดังนั้นการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นเรื่องสำคัญ
การนำกลับมาใช้ซ้ำหรือซ่อมแซมอุปกรณ์
กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่งคือการนำกลับมาใช้ซ้ำหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ที่มีอยู่เดิมเพื่อทดแทนการผลิตใหม่หรือรีไซเคิล เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มี “ผลต่อการปล่อยคาร์บอน” และ “การใช้พลังงาน” นอกจากนี้ การผลิตใหม่หรือรีไซเคิลยังต้องใช้แรงงานและมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการปลดระวางและจัดหาอุปกรณ์ใหม่
การยืดอายุอุปกรณ์
องค์กรส่วนใหญ่กำลังยืดรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ให้กับพนักงาน โดยเฉลี่ยแล้วแล็ปท็อปจะถูกเปลี่ยนใหม่ทุก ๆ สี่ถึงห้าปี และอุปกรณ์เคลื่อนที่เปลี่ยนใหม่ทุกสามปี กลยุทธ์ “ยืดอายุอุปกรณ์” ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ประหยัดต้นทุน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตอุปกรณ์ใหม่ ๆ
การรีไซเคิล
การรีไซเคิลวัสดุและส่วนประกอบอุปกรณ์มักเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดหลังใช้งานเกินห้าปี เนื่องจากอุปกรณ์เชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการสนับสนุนและการอัปเดตด้านความปลอดภัย และมีอัตราที่ส่วนประกอบจะทำงานบกพร่องสูงขึ้น มีประสิทธิภาพช้าลง สึกหรอตามรูปลักษณ์ และบริโภคพลังงานมากขึ้น
เวอร์ชวลเดสก์ท็อป (Virtual desktops) คืออะไร?
ผลสำรวจล่าสุดของการ์ทเนอร์ยังพบว่า Desktop as a Service (DaaS) หรือโครงสร้างพื้นฐานเวอร์ชวลเดสก์ท็อป (VDI) นั้นติด 10 อันดับแรกของโครงการริเริ่มที่มีการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายมากที่สุด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุปกรณ์ไอที
พนักงานไม่ว่าจะทำงานจากออฟฟิศหรือที่บ้าน อาจไม่ต้องการใช้แล็ปท็อปเสมอไป แต่สามารถใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่ายได้ โดยบริการ Desktop As A Service หรือ DaaS ช่วยให้สามารถใช้ Thin Client ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางเพื่อควบคุมและประมวลผล ซึ่งก่อให้เกิดคาร์บอนจากการผลิตและการดำเนินการที่ต่ำกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับการใช้แล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อป และยังมีอายุใช้งานยาวกว่า 6-8 ปี
การใส่ใจแบตเตอรี่
แบตเตอรี่มักเป็นสิ่งแรกที่จะเสื่อมสภาพ ดังนั้นการใช้งานอย่างถนอมและลดภาวะแบตเสื่อมก่อนเวลาอันควรก็จะช่วยลดขยะได้เช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ โดยตั้งค่าอุปกรณ์ให้ทำงานในสถานะพลังงานต่ำที่สุดเท่าที่จำเป็นต่อการทำงาน เช่น เปิดโหมดสแตนด์บายหรือโหมดสถานะพักเครื่องเมื่อไม่ได้ใช้งาน และเปิดใช้งานฟีเจอร์ประหยัดพลังงานอื่น ๆ
อุปกรณ์ที่ได้รับการปรับปรุงเสมือนใหม่
สำหรับพนักงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ควรให้ใช้อุปกรณ์ที่เปลี่ยนได้ มีรายงานว่าบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์และขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงอย่างมากจากแนวทางนี้ ช่วยให้ภาพลักษณ์องค์กรดีขึ้น
การจัดหาอุปกรณ์
ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมต้องถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์หลักเพื่อพิจารณาการจัดซื้อ เช่นการแชร์ข้อมูลด้านความยั่งยืนอย่างโปร่งใส การเลือกบรรจุภัณฑ์จัดส่ง ฉลากการรับรองประสิทธิภาพสิ่งแวดล้อมหรือ Ecolabel Certifications การระบุข้อมูลปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
การทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์
การทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเราเอง การแยกขยะ นำไปส่งคืน หรือรีไซเคิล เป็นวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้เพื่อโลกใบนี้ แน่นอนว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถทิ้งรวมกับขยะทั่วไปได้ แต่การทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพราะในไทยเราสามารถทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ง่าย ๆ ผ่านโครงการ ฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์
โครงการ ฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์
โครงการฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เป็นความร่วมมือของไปรษณีย์ไทย และ AIS ซึ่งนอกจากการตั้งจุดรับทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์แล้ว ยังมีบริการฝากทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ถึงบ้านด้วย ผ่าน 2 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
- เตรียม E-Waste ทั้ง 5 ประเภท ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ/แท็บเล็ต, สายชาร์จ, หูฟัง, พาวเวอร์แบงก์ และแบตเตอรี่มือถือ ให้พร้อม และนำใส่กล่อง พร้อมเขียนหน้ากล่อง “ฝากทิ้ง ขยะอิเล็กทรอนิกส์”
- ฝากทิ้ง กับบุรุษไปรษณีย์ ที่มาส่งจดหมาย หรือพัสดุ ที่บ้านได้เลย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สรุป ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste)
เมื่อเราใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กันมากขึ้น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ก็เยอะขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งขยะเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเรา วิธีแก้ปัญหาในเรื่องนี้ คือการจัดการตั้งแต่ต้นนํ้า ตั้งแต่การเลือกซื้อแล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ต่อเนื่องไปจนถึงการทิ้งและการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อม
อ้างอิง Gartner thailandpost cover Gartner
อ่านบทความและข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ it24hrs.com
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ผลกระทบ และวิธีกำจัดที่เราต้องใส่ใจ
อย่าลืมกดติดตามอัพเดตข่าวสาร ทิป เทคนิคดีๆ กันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs






