อัปเดตภัยออนไลน์ 2025 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงหลอกลวงผู้คนอย่างต่อเนื่อง และก็มีวิธีใหม่ๆ ที่แนบเนียนและอันตรายมากขึ้น อัปเดตกลโกงออนไลน์ล่าสุดของมิจฉาชีพ เพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันและป้องกันตัวเองได้อย่างทันท่วงที
ระวัง! “Brushing Scam” กลโกงส่งพัสดุปริศนา
ในช่วงที่เราสั่งของออนไลน์กันเป็นประจำทุกวัน หลายคนคงคุ้นชินกับการรับพัสดุที่มาส่งถึงหน้าบ้าน แต่รู้หรือไม่ว่า การได้รับพัสดุที่คุณ “ไม่ได้สั่ง” อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของกลโกงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Brushing Scam ซึ่งมีความอันตรายมากกว่าที่คุณคิด
Brushing Scam คืออะไร และมาในรูปแบบไหน?
Brushing Scam คือกลโกงที่มิจฉาชีพใช้ในการส่งพัสดุหรือสินค้าราคาถูกมาให้คุณถึงบ้าน ทั้งที่คุณไม่เคยสั่งซื้อมาก่อน บางครั้งผู้รับอาจเข้าใจผิดว่าเป็นของที่คนในบ้านสั่งมาจึงเผลอรับไว้
เมื่อคุณเปิดพัสดุออกมา สิ่งที่อันตรายกว่าตัวสินค้าคือ สิ่งที่แฝงมาด้วย เช่น
- QR Code หรือลิงก์ล่อใจ: เช่น ข้อความเชิญชวนให้ สแกน QR Code เพื่อช่วยรีวิวสินค้า, รับส่วนลด, เล่นเกม, หรือรับรางวัลเงินสด เป้าหมายหลักคือการทำให้คุณสแกน
- ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหล: มิจฉาชีพนำข้อมูลชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของคุณที่ได้มาจากช่องทางใดช่องทางหนึ่งมาใช้ในการจัดส่งพัสดุ เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือและเป็นเหยื่อในอนาคต
อันตรายที่ซ่อนอยู่หลังพัสดุปริศนา
หากคุณหลงเชื่อและสแกน QR Code หรือคลิกลิงก์ที่แนบมา คุณจะตกอยู่ภายใต้วงจรการหลอกลวงที่อันตรายยิ่งขึ้น
การหลอกลวงทางการเงิน
คุณอาจถูกลากเข้ากลุ่มออนไลน์ หรือเว็บไซต์ปลอม ซึ่งจะมีกระบวนการดังนี้
- หลอกให้ทำภารกิจหรือเล่นเกม: โดยคนร้ายจะให้คุณโอนเงินจำนวนเล็กน้อยเข้าไปก่อนเพื่อแลกกับรางวัลที่ใหญ่กว่า
- สร้างสถานการณ์ปัญหา: เมื่อคุณเริ่มโอนเงินจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มิจฉาชีพจะอ้างว่า “ระบบมีปัญหา โอนออกไม่ได้” และเรียกร้องให้คุณโอนเงินเพิ่มเพื่อ “แก้ปัญหา”
- สูญเสียเงินทั้งหมด: สุดท้ายมิจฉาชีพจะตัดขาดการติดต่อ และคุณจะสูญเสียเงินที่โอนไปทั้งหมด
โดนควบคุมโทรศัพท์และดูดเงิน
นี่คือรูปแบบที่น่ากลัวที่สุด เพราะการสแกน QR Code หรือคลิกลิงก์ อาจนำไปสู่การ ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน (มัลแวร์) โดยไม่รู้ตัว ซึ่งแอปฯ เหล่านี้จะเข้าควบคุมโทรศัพท์ของคุณ และสามารถ ดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร ของคุณได้ทันที
กลโกงที่แนบเนียนยิ่งขึ้น ตั้งร้านค้าออนไลน์ปลอม
มิจฉาชีพบางรายลงทุนสร้างร้านค้าออนไลน์ปลอมบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งที่น่าเชื่อถือ โดย ขายสินค้าราคาถูกเป็นพิเศษ เพื่อล่อให้คุณสั่งซื้อ เมื่อเหยื่อหลงกล สั่งซื้อและได้รับของแล้ว คนร้ายก็จะใช้กลไกเดิม ๆ เหมือนการหลอกลวงรูปแบบเดียวกันกับการการหลอกลวงด้วย QR Code เช่นเดิม วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะแนบเนียนกว่า แต่ยังทำให้มิจฉาชีพได้ ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ของคุณเพื่อไปใช้ในการหลอกลวงในอนาคตได้อีกด้วย
วิธีป้องกันตัวจาก Brushing Scam
ฟังดูน่ากลัวใช่ไหม? แต่คุณสามารถป้องกันตัวเองจากกลโกงนี้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่มีสติ และปฏิบัติตามคำแนะนำจากหน่วยงานภาครัฐ ดังนี้
- ถ้าไม่ได้สั่ง ก็อย่ารับของ: ปฏิเสธพัสดุนั้นไปเลย ถ้าไม่แน่ใจว่าคนในบ้านสั่งมาหรือไม่ก็ต้องเช็กให้แน่ใจก่อนเปิดกล่อง
- เช็กที่อยู่ผู้ส่งให้ดี: เพราะพัสดุจากมิจฉาชีพมักจะไม่มีข้อมูลของผู้ส่งที่ชัดเจน
- ห้ามสแกนสุ่มสี่สุ่มห้า: โดยเฉพาะ QR Code ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ห้ามสแกนเด็ดขาด ยิ่งมีข้อความล่อใจเช่น สแกนรับเงิน 500 บาท, สแกนรีวิวสินค้าเพื่อเพื่อของรางวัล, สแกนเพื่อการประกันสินค้าที่มากขึ้น เพราะการสแกน QR Core มันคือการเปิดประตูต้อนรับมิจฉาชีพ
- เปลี่ยนรหัสผ่านทันที: ถ้าหากเผลอสแกน QR Code ไปแล้ว ควรเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีออนไลน์ทั้งหมด
- ตรวจสอบบัตรเครดิต: ขอรายงานเครดิตเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ
ของฟรีหรือของที่ไม่ได้สั่ง อาจมาพร้อมกับอันตรายที่ใหญ่หลวงที่สุด ตั้งสติและระมัดระวังอยู่เสมอ เพื่อปกป้องทรัพย์สินและข้อมูลส่วนตัวของคุณจากมิจฉาชีพ
“ขายของมือสอง” บังหน้าหลอกดูดเงิน
คุณมีของที่ไม่ใช้แล้วและต้องการขายเพื่อแปลงเป็นเงินใช่ไหม? ระวังไว้ให้ดี! เพราะขณะนี้มี กลโกงขายของมือสอง รูปแบบใหม่ที่กำลังระบาดหนัก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้คุณขายของไม่ได้เงินเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณต้อง สูญเสียเงินในกระเป๋า ไปอีกด้วย
แม้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่สถิติในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่ามีการหลอกลวงในลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้ว กว่า 400 กรณี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม กว่า 10 ล้านบาท โดยมีเคสที่เสียหายมากที่สุดสูงถึง 600,000 บาท เลยทีเดียว นี่คือสัญญาณเตือนที่ทุกคนต้องใส่ใจ
เจาะลึกวิธีการหลอกลวง: มุกเดิมที่มาในคราบใหม่
มิจฉาชีพใช้การซื้อ-ขายของมือสองเป็นฉากบังหน้า แต่แท้จริงแล้วคือกลโกงที่คล้ายกับการหลอกลวงลงทุนหรือทำภารกิจ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ประกาศรับซื้อล่อเหยื่อ: คนร้ายจะโพสต์โฆษณารับซื้อของมือสองทุกประเภท เช่น เสื้อผ้าเก่า กระเป๋า เหรียญ หรือธนบัตรเก่า ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ
- ชักจูงเข้ากลุ่มไลน์: เมื่อเหยื่อสนใจติดต่อ มิจฉาชีพจะไม่ให้ซื้อขายทันที แต่จะ ชักชวนให้เข้ากลุ่ม Line โดยอ้างว่าเป็น “กลุ่มสำหรับผู้ซื้อ-ผู้ขาย”
- สร้างกฎเข้มงวด: เมื่อเข้ากลุ่มแล้ว มิจฉาชีพ (ที่มักเป็นแอดมิน) จะแจ้งกฎที่สำคัญ คือ ห้ามติดต่อกันเอง หรือ ห้ามซื้อขายจ่ายเงินกันเองโดยตรง แต่ต้องทำธุรกรรมผ่าน “ระบบ” ของกลุ่มเท่านั้น
- ใช้หน้าม้าสร้างสถานการณ์: เมื่อคุณโพสต์ขายของ จะมี “หน้าม้า” เข้ามาสอบถามรายละเอียดและทำทีเป็นสนใจซื้อ และจะ เรียกหารหัสคนขาย จากคุณ ซึ่งแน่นอนว่าในฐานะผู้ขายมือใหม่ คุณจะไม่มีรหัสนี้
- กับดักการลงทะเบียน: นี่คือจังหวะที่แอดมินจะเข้ามาแทรก และส่งลิงก์เพื่อให้คุณ สมัครเป็น “คนขาย” ทันที โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ… ต้องเสียเงินค่าลงทะเบียนก่อน!
- หลอกทำภารกิจ: เมื่อคุณหลงเชื่อและโอนเงินค่าสมัครไปแล้ว เรื่องราวจะดำเนินไปคล้ายกลโกงอื่นๆ คือจะมี “ภารกิจ” ให้ทำ และหลอกให้คุณ โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่าจะช่วยให้คุณขายของได้ง่ายขึ้น ได้เงินเยอะขึ้น หรือ “เปิดการมองเห็น”
- จบด้วยการสูญเงิน: สุดท้ายคนร้ายจะอ้างว่า “ระบบมีปัญหา” หรือคุณ “ทำผิดกฎ” และต้องโอนเงินเพื่อ “ล้างระบบ” ไม่ว่าคุณจะทำตามหรือไม่ก็ตาม คุณก็จะสูญเงินไปทั้งหมดในที่สุด
จะเห็นได้ว่า วิธีการนี้เป็นเพียงการนำเรื่องการซื้อ-ขายของมือสองมาบังหน้า เพื่อใช้หลอกให้คุณโอนเงินตามรูปแบบเดิมๆ นั่นเอง
4 ข้อต้องรู้! ป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
หากคุณต้องการขายของมือสองอย่างปลอดภัย และไม่ต้องการสูญเงินให้กับมิจฉาชีพ ต้องป้องกันตัวเองตามหลักการเหล่านี้:
- เช็กตัวตนผู้ซื้อ-ผู้ขายอย่างละเอียด: หากเป็นไปได้ ให้ใช้วิธี วิดีโอคอล หรือตรวจสอบข้อมูลของผู้ที่ติดต่ออย่างรอบคอบ เพื่อยืนยันตัวตนว่ามีอยู่จริงและน่าเชื่อถือ
- ทำธุรกรรมผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือเท่านั้น: หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมนอกแพลตฟอร์มซื้อขายหลัก หรือแอปพลิเคชันของธนาคาร ไม่ควรโอนเงินหรือรับเงินผ่าน “ระบบ” ที่ไม่รู้จัก หรือเป็นลิงก์ที่แอดมินส่งมาให้
- ยึดหลัก: คนขายต้องได้เงินก่อน! ในการซื้อขายที่ถูกต้องตามหลักการ ผู้ขายควรเป็นฝ่ายได้รับเงิน ไม่ใช่การโอนเงินให้กับผู้ซื้อหรือ “ระบบ” ใดๆ การที่ผู้ขายต้องโอนเงินก่อนถือว่าผิดปกติ 100%
- มีสติและไม่โลภ: เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า “ไม่มีทาง” ที่คุณจะสามารถได้เงินจำนวนมากจากการทำ “ภารกิจง่ายๆ” หรือการโอนเงินเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกกับผลตอบแทนมหาศาล จงมีสติและอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ
การซื้อ-ขายของมือสองควรเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย อย่าให้ความโลภหรือความอยากขายของทำให้คุณตกเป็นเหยื่อของกลโกงเหล่านี้!
AI ปลอมเสียงญาติ หลอกโอนเงินที่คุณต้องระวัง
เราคงคุ้นเคยกับมุกเดิมๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาแอบอ้างเป็นญาติหรือคนรู้จักเพื่อหลอกยืมเงิน แต่ภัยคุกคามในปัจจุบันได้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการใช้ เทคโนโลยี AI ในการปลอมแปลงเสียง ทำให้การหลอกลวงดูแนบเนียนและน่าเชื่อถือยิ่งกว่าเดิม
มุกใหม่ของมิจฉาชีพ: สร้างสถานการณ์ฉุกเฉิน เร่งให้โอนเงิน
คนร้ายจะใช้ AI ปลอมเสียง เลียนแบบน้ำเสียงของคนที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นญาติสนิท เพื่อน หรือคนรู้จัก จากนั้นจะสร้าง สถานการณ์ฉุกเฉิน ขึ้นมา เช่น
- อ้างว่าประสบ อุบัติเหตุ ต้องใช้เงินด่วน
- อ้างว่ามีปัญหา ติดคดีความ หรือต้องเสียค่าปรับ
- อ้างว่า เจ็บป่วย หรือต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน
คำพูดที่คนร้ายมักใช้เพื่อเร่งรัดให้เราตัดสินใจโอนเงินทันที คือ “ไม่มีเวลาชี้แจง ขอให้รีบโอน” หรือ “อย่าบอกใคร เชื่อใจได้” ซึ่งเป็นกลยุทธ์กดดันทางอารมณ์เพื่อไม่ให้เรามีเวลาไตร่ตรอง
3 จุดสังเกตและวิธีป้องกันตัวจากกลโกง AI ปลอมเสียง
เมื่อได้รับโทรศัพท์ที่อ้างว่าเป็นคนรู้จักและมีเรื่องให้ต้องโอนเงินเร่งด่วน ให้ ตั้งสติและใจเย็น ไว้ก่อน เพราะยังมีจุดสังเกตที่เราสามารถจับผิดมิจฉาชีพได้:
- สังเกตเบอร์โทรศัพท์: มิจฉาชีพมักจะโทรมาจาก เบอร์แปลก หรือเบอร์ที่ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์ปกติของคนที่แอบอ้าง
- ตรวจสอบความจริง: ห้ามโอนเงินทันที ให้รีบ วางสาย จากเบอร์นั้น แล้ว โทรกลับหาคนที่เรามั่นใจว่าเป็นเจ้าของเสียง ด้วยเบอร์โทรศัพท์เดิมของเขา เพื่อยืนยันว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจริงหรือไม่
- สังเกตพฤติกรรมการพูด: ขณะสนทนา ลองสังเกต ความผิดปกติของน้ำเสียง เช่น ฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือ มีคำพูดที่ชอบเร่งรัด ให้เราทำตามโดยไม่ยอมให้เราซักถามรายละเอียด
ย้ำเตือนอีกครั้งว่า การโอนเงินทุกครั้งต้องแน่ใจ 100% ว่ากำลังโอนให้คนที่เรารู้จักและไว้วางใจได้จริง อย่าตกเป็นเหยื่อของการสร้างสถานการณ์ฉุกเฉินที่ใช้เทคโนโลยี AI มาทำให้ดูสมจริง
กลโกงหลอกเทรดหุ้นออนไลน์
การหลอกให้ลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ยังคงเป็นปัญหาที่คุกคามอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ ศูนย์ AOC 1441 รายงานว่าในช่วงวันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2568 เพียงสัปดาห์เดียวมีคดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ที่สร้างความเสียหายรวมกว่า 5 ล้านบาท
กลวิธีสร้างหลุมพรางหลอกลงทุน
มิจฉาชีพมักสร้าง “หลุมพราง” โดยการทำโฆษณาชักชวนให้ลงทุนหรือสอนเทรดหุ้น แล้วโฆษณาบน Facebook เพื่อรอให้เหยื่อหลงกลทักไป
เมื่อเหยื่อติดกับ พวกเขาจะให้ติดตั้งแอปพลิเคชันสำหรับลงทุน ในช่วงแรกเหยื่ออาจจะยังสามารถถอนเงินได้จริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินลงทุนก้อนที่ใหญ่ขึ้น แต่เมื่อเหยื่อโอนเงินก้อนโตเข้าไป เมื่อถึงตอนนี้ก็จะ ไม่สามารถถอนเงินได้อีกต่อไป
มิจฉาชีพจะเริ่มอ้างเหตุผลสารพัด เช่น ต้องชำระค่านักวิเคราะห์ก่อน หรือต้องชำระเงินค่าภาษีก่อน ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินเพิ่มอีก ก็จะสูญเงินก้อนนี้ไปด้วย และในที่สุด มิจฉาชีพก็จะตัดการติดต่อไปทันที
กลวิธี รุกใส่เหยื่อ
นอกจากกลวิธีรอให้เหยื่อหลงกล มิจฉาชีพบางรายก็ “รุกใส่” เหยื่อโดยตรง เช่น คนร้ายจะทักเข้ามาหาเหยื่อโดยตรง แล้วอ้างว่าทักคนผิด ก่อนจะอาศัยโอกาสนี้ในการ ตีสนิท และชักชวนให้ลงทุนเทรดหุ้นผ่านเว็บไซต์ปลอม จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินให้ ก่อนจะมารู้ตัวในภายหลังว่าถูกหลอก
รู้ทัน! 5 รูปแบบกลโกงหลอกลงทุนจาก กลต.
เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แนะนำ 5 รูปแบบที่มิจฉาชีพมักใช้ในการหลอกลงทุน ดังนี้
- ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง เช่น 12% ต่อเดือน หรือ 20% ต่อเดือน ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้
- การันตีผลตอบแทน ซึ่งการลงทุนทั่วไปมักจะไม่สามารถการันตีให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงที่แน่นอนได้
- เร่งรัดให้ตัดสินใจ อ้างว่าจะตกขบวน เพราะใคร ๆ ก็ลงทุน
- แอบอ้างบุคคลมีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- ธุรกิจไม่ชัดเจน จับต้องไม่ได้ เน้นขายหุ้นระดมทุนมากกว่าการทำธุรกิจจริง
หากพบการชักชวนลงทุนที่มีลักษณะเข้าข่ายเหล่านี้ โปรดเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เงินลงทุนของคุณ “หายไปในอากาศ”
หลอกทำงานออนไลน์ อ้างรายได้ดี
ในยุคที่ใคร ๆ ก็อยากมีอาชีพที่สอง มีรายได้เสริม หรือมองหางานง่าย ๆ รายได้ดี การค้นหาโอกาสเหล่านี้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ใครจะรู้ว่าโอกาสที่ดูน่าดึงดูดใจเหล่านี้ อาจเป็นเพียง “หลุมพราง” ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นเพื่อล่อลวงเราก็ได้
ภัยจากการหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษยังคงเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะข้อมูลล่าสุดในช่วงวันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 ได้รายงานถึงคดีที่มีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 3 ล้านบาท
- จุดเริ่มต้น: ผู้เสียหายพบโฆษณาที่อ้างว่าเป็นร้านค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และเกิดความสนใจอยากหารายได้พิเศษจึงทักไปสอบถามรายละเอียด
- วิธีการหลอกล่อ: มิจฉาชีพจะชักชวนให้เปิดร้านบน TikTok โดยอ้างว่าจะได้รับค่าคอมมิชชันเป็นการตอบแทน
- สร้างความน่าเชื่อถือ: ในช่วงแรก เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินเข้าไปในระบบเพื่อ “ลงทุน” หรือ “เริ่มงาน” ก็จะได้รับผลตอบแทนกลับมาจริง ซึ่งเป็นการสร้างความไว้วางใจ
- กับดักที่แท้จริง: ภายหลัง มิจฉาชีพก็จะเริ่มให้เหยื่อลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเหยื่อต้องการยกเลิก หรือพยายามจะถอนเงิน มิจฉาชีพก็จะอ้างว่าต้องชำระค่าภาษีก่อนเพื่อเป็นเงื่อนไขในการออกจากระบบ ทำให้เหยื่อต้องโอนเงินเพิ่มขึ้นอีก
ข้อสังเกตง่าย ๆ เพื่อป้องกันตัวเอง
จะเห็นได้ว่าวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพเหล่านี้มักมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน คือ การใช้เทคนิคให้เหยื่อโอนเงินเข้าไปก่อน และจากนั้นก็จะหลอกให้โอนเงินเข้าไปอีกเรื่อย ๆ ในจำนวนที่มากขึ้น ดังนั้น หากคุณกำลังเจองานที่เข้าข่ายลักษณะเหล่านี้ ให้ “เอ๊ะ!” ไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ
ข้อควรจำ:
- งานที่ต้อง “ลงทุน” ก่อน: หากงานหารายได้เสริมใด ๆ ที่อ้างว่ารายได้ดี แต่ต้องมีการโอนเงิน (ไม่ว่าจะจำนวนน้อยหรือมาก) เพื่อเข้าร่วม เพื่อลงทุน หรือเพื่อเปิดระบบ ให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพไว้ก่อน
- ระวังการ “จ่ายค่าธรรมเนียม/ภาษี” เพื่อถอนเงิน: การอ้างให้ชำระค่าธรรมเนียม ภาษี หรือค่าปรับเพื่อออกจากระบบ หรือเพื่อถอนเงินที่ค้างอยู่ เป็นวิธีการหลอกซ้ำเติมที่พบได้บ่อยมาก
สิ่งที่คุณต้องทำคือ: อย่าโอนเงินเด็ดขาด! เพราะเมื่อคุณโอนเงินก้อนแรกไปแล้ว มีแนวโน้มสูงมากที่คุณจะถูกล่อลวงให้โอนเงินเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ จนเกิดความเสียหายในที่สุด
มิจฉาชีพปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
เราคงคุ้นเคยกับมุกหลอกลวงที่คนร้าย อ้างตัวเป็นตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐ โทรมาหาเรา แล้วกล่าวหาว่าเราทำผิดกฎหมาย หรือมีเงินผิดกฎหมายเข้ามาในบัญชี ซึ่งเป้าหมายหลักของพวกเขาคือการหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว หรือให้เราโอนเงินให้พวกเขาอย่างเร่งด่วน
แม้จะดูเป็นเรื่องเก่า แต่แก๊งมิจฉาชีพก็ไม่หยุดพัฒนา ตอนนี้มีกลโกงรูปแบบใหม่ที่อันตรายกว่าเดิมเข้ามาแล้ว
แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ
จากรายงานของ ศูนย์ AOC 1441 พบกรณีใหม่ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง นั่นคือคนร้ายจะโทรศัพท์มาและ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยแจ้งว่าผู้เสียหายมีสิทธิ์ได้รับ ค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าคืน แล้วหลอกให้เหยื่อเพิ่มเพื่อนทาง Line หรือ สแกน QR Code ซื่งคือ ‘ประตู’ ที่เปิดให้คนร้ายสามารถเข้ามาควบคุมมือถือของเราได้ หรือที่เรียกว่า Remote Access เมื่อคนร้ายเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้แล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับการถือโทรศัพท์ของเราไว้ในมือตัวเอง
4 ข้อต้องท่องไว้! ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
เพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานต่าง ๆ คุณต้องท่องและยึดถือหลักการเหล่านี้ไว้ให้ขึ้นใจ:
- สงสัยไว้ก่อน: เอกสารหรือข้อมูลที่นำมาอ้างมีความเป็นจริงหรือไม่? อย่าเชื่อทันที ต้องตรวจสอบให้แน่ใจ
- ตรวจสอบย้อนกลับ: โทรศัพท์หรือติดต่อกลับไปยังหน่วยงานต้นสังกัดโดยตรง (เช่น การไฟฟ้าฯ, ธนาคาร, ตำรวจ) ด้วยเบอร์โทรศัพท์ทางการ เพื่อสอบถามว่ามีเรื่องที่คนโทรมาหาเรากล่าวอ้างจริงหรือไม่
- ปฏิเสธการให้ข้อมูล: ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัวเด็ดขาด เช่น เลขประจำตัวประชาชน, หมายเลขโทรศัพท์, รหัส OTP หรือรหัสผ่านต่าง ๆ
- ห้ามโอนเงินเด็ดขาด: ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานที่ถูกต้องจะไม่มีการให้คุณโอนเงินเพื่อตรวจสอบหรือแก้ปัญหาผ่านโทรศัพท์
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการมีสติและไม่ตื่นตระหนก ทุกครั้งที่มีใครโทรมาและทำให้คุณรู้สึกว่า “ต้องทำทันที” ให้คิดไว้ก่อนว่าเป็นกลโกง แล้ววางสายเพื่อตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานจริงก่อนเสมอ
ชมรายการ Digital Thailand ตอน “ อัปเดตภัยออนไลน์ 2025 Brushing Scam, หลอกขายของมือสอง ” ได้ที่รายการย้อนหลังตอนนี้เลย
https://it24hrs.com/2025/online-scams-2025-update/
ออกอากาศวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568
ในรายการ Digital Thailand ทุกวันเสาร์ ทางช่อง 3 กด 33 เวลา 4.40-5.05 น.
ยังมีบทความที่น่าสนใจ
AI Influencers การตลาดยุคใหม่ที่ไม่ใช่คนแต่ปังกว่าคนจริง
เตือนภัยออนไลน์ 2025! กลโกงแนบเนียนที่คนไทยอาจโดนโดยไม่รู้ตัว
อย่าลืมกดติดตามอัปเดตข่าวสาร เทคนิคดีๆกันนะคะ Please follow us
Youtube it24hrs
Twitter it24hrs
Tiktok it24hrs
facebook it24hrs
ติดต่อโฆษณา [email protected] โทร 0802345023






